วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

27.สูตรพริกแกงต่างๆ





                                               วันนี้เรามีสูตรของเครื่องแกงต่างๆมาฝากเพื่อนๆกันนะ ซึ่งสูตรทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนประกอบคร่าวๆจึงไม่ได้บอกปริมาณว่าใช้อะไรเท่าไร เราจะบอกเพียงส่วนประกอบเท่านั้น เรามาดูกันดีกว่าว่ามีแกงอะไรกันบ้าง

1.พริกแกงคั่ว



2.พริกแกงเผ็ด



3.พริกแกงเขียวหวาน



 4.พริกแกงพะแนง



5.พริกแกงมัสมั่น



6.พริกแกงส้ม



7.พริกแกงเลียง


ข้อแนะนำ : การตำพริกแกงต่างๆควรที่จะแกะเมล็ดพริกออกจากตัวพริกให้หมด และควรตำพริกกับส่วนผสมต่างๆให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะจะทำให้เวลานำไปทำอาหาร อาหารนั้นจะมีสรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

26.ยำปลาทูสด

                                                 

                                           อีกหนึ่งเมนูสำหรับวันนี้ให้ๆมีเวลาลงก็เอาลงเยอะๆเลยก็แล้วกัน นี่เป็นเมนูที่โปรดมากที่สุดซึ่งได้สูตรมาจากอาจารย์สาขาคหกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นที่ที่เราเรียนอยู่นี่เอง ต้องบอกเลยว่าเมนูนี้เเซ่บมาก อร่อยที่สุด ต้องขอบคุณอาจาร์จริงๆที่ให้สูตรมา อันดับแรกเราก็มาดูส่วนผสมและวิธีการทำกันเลย


ส่วนผสม


วิธีการทำ

การตกแต่งจาน

เสร็จแล้วเราก็จะได้ยำปลาทูสดที่น่าตาน่ารับประทานแบบนี้นี่เอง อร่อยเหาะเลยทีเดียว

25.หมูตุ๋น (แบบง่าย)






                                ห่างหายไปนานเพราะไม่ค่อยว่างอ่ะ ช่วงนี้เรียนหนักมากเลย ทั้งเรียนทำอาหาร เรียนวิทยาศาสตร์ และก็เรียนโนนนี่นั่นอีกเยอะเลย ยุ่งๆๆๆๆ แต่วันนี้มีเวลาว่างเลยจะมาสอนวิธีทำหมูตุ๋นกัน เรามาดูวิธีการทำกันเลยดีกว่า


ส่วนผสม
1 เนื้อหมู  400 กรัม
2 รากผักชี 6 ราก
3 กระเทียม 9 กรีบ
4 พริกไทยเม็ด 15-20 เม็ด
5 ซีอิ๋วดำหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
6 น้ำตาลปี๊ปอย่างดี 5-7 ช้อนโต๊ะ
7 น้ำปลาอย่างดี 4-5 ช้อนโต๊ะ
8 น้ำปล่าว 3 ถ้วยตวง
10 น้ำมันสำหรับผัดเล็กน้อย 2 ช้อนโต๊ะ
(ในส่วนผสมทั้งหมดนี้เป็นส่วนผสมในการทำแบบง่ายๆ เพื่อนๆสามารถเพิ่มหรือลดตามความต้องการของตัวเองได้)


วิธีการทำ

1.ขั้นแรกเลยเราก็จะโขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้ละเอียด แล้วนำลงมาผัดกับน้ำมันจนหอม
2.หลังจากผัดรากผักชี กระเทียม ริกไทยจนหอมแล้ว เราก็ใส่น้ำตาลปี๊ปลงไปผัดจนเป็นสีน้ำตาลลักษณะคล้ายคาราเมลเล็กน้อย แล้วเราก็ใส่หมูลงไปผัด จนพอใกล้สุก

3.เต็มน้ำทั้งหมดลงไปในกระทะ ตามด้วยเครื่องปรุงรสต่างๆที่เหลืออยู่ใส่ลงไปคนพอเข้ากันทั้งหมด ปิดฝาหม้อตั้งไฟไว้ซักประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนหมูเปื่อยตามต้องการ
(ซึ่งในขณะนี้เราสามสารถคอยเต็มน้ำเพื่อไม่ให้น้ำแห้งอยู่ได้เรื่อยๆ) แล้วหลังจากนั้นเราก็จะได้หมูตุ๋นสวยๆน่ารับประทานแบบนี้เลยคร่าาาาา


***หมูที่ได้มานั้นเราสามารถนำมาทานกับข้าว หรือทานเล่น หรือทานกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดเป็นกับแกล้มก็อร่อยไปอีกแบบ หวังว่าเพื่อนๆคงไปลองทำกันดูนะคร่าาาา 

วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

24.สาคูไส้หมู




                               ในเวลากลางวันนึกหิวๆไม่มีอะไรกิน และไม่รู้จะทำอะไร วันนี้เรามีเมนูอาหารว่างมาแนะนำ ซึ่งก็ทำไม่ยาก นั่นก็คือ สาคูไส้หมูนั่นเอง ว่าเเล้วเราก็มาดูส่วนผสมและวิธีการทำกันเลยดีกว่าา


ส่วนผสม
1.หัวผักกาดดองสับละเอียด  1/2 ถ้วย
2.หมูสับละเอียด 1 ถ้วย
3.ถั่วลิสงคั่วบดละเอียด 1/2 ถ้วย
4.กระเทียมเจียว ตามชอบ
5.รากผักชีพริกไทย โขลกละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
6.หอมแดงสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำตาลปี๊ป 3 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำปลาอย่างดี 3 ช้อนโต๊ะ
9.สาคูเม็ดเล็กนำมาลวกกับน้ำอุ่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน (แนะนำให้ทำตอนผัดใส้เสร็จแล้ว เพราะแป้งจะได้ไม่แห้ง)


วิธีการทำ

 1.อันดับแรกผัดราดผักชีและหอมแดงจนหอม

2.หลังจากนั้นใส่หมูบด และหัวผักกาดดองลงไปผัดกับขั้นตอนที่หนึ่งจนเข้ากันดี 

3.ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊ป น้ำปลา ให้กลมกล่อมตามใจชอบ 

 4.หลังจากปรุงรสเสร็จก็เติมถั่วลิสงคั่วบดลงไปผัดให้เข้ากันจนดี 
5.พอได้หน้าตาแบบนี้ก็เป็นอันใช้ได้ จากนั้นก็ปิดไฟแล้วพักใส้ไว้

 6.หลังจากนั้นเราก็นำตัวแป้งสาคูสาคูที่เราผสมไว้มาทำเป็นแผ่นกลมบางๆ แล้วนำใส้มาใส่ตรงกลางแล้วห่อปั้นให้เป็นลูกกลมๆ แล้วนำไปนึ่ง ประมาณ 15 นาทีเป็นอันเสร็จ


7.จากนั้นนำสาคูที่ได้มาจัดจานแล้วโรยด้วยกระเทียมเจียว แค่นี้ก็พร้อมเสริฟคร่าาาาา

23.สังขยาฟักทอง




                          อีกเมนูสำหรับวันนี้เป็นของหวานกันบ้างนะค่ะ เป็นขนมที่เราชอบมากมีทั้งรสชาติหวานมันได้ที่และวิธีการทำก็ไม่ยาก ส่วนผสมก็ไม่เยอะ เมนูนั้นก็คือ สังขยาฟักทอง เรามาดูส่วนผสมและวิธีการทำกันดีกว่า




ส่วนผสม
1.ฟักทองหั่นเป็นเส้นยาว
2.ฟักทองหั่นสี่เหลี่ยมเต๋า เล็กๆ
3.น้ำตาลปี๊ป 1 ถ้วย (หรือหวานตามชอบ)
4.หัวกระทิ 1 ถ้วย
5.ไข่เป็ด 4 ฟอง
6.ใบเตย 7-8 ใบ
วิธีการทำ



 1.ตอกไข่ใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาลปี๊ปลงไป แล้วนำใบเตยลงไปขยำให้ส่วนผสมทั้งหมดเป็นเนื้อเดียวกัน



 2.นำส่วนผสมที่ผสมกันจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วมาแบ่งใส่ถ้วยที่จะไว้ใช้นึ่ง แล้วหลังจากนั้นใส่ฟักทองลงไปอย่างละครึ่ง (ถ้าชอบมากก็ใส่มาก ถ้าชอบน้อยก็ใส่น้อยๆนะค่ะ) พอใส่ฟักทองเสร็จเราก็นำไปนึ่ง ด้วยไฟปานกลาง (ในขณะที่นึ่งนั้นห้ามเปิดฝาแอบดูเด็ดขาด)
3.เราจะนึ่งโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นเราก็จะได้สังขยาที่ฟูและน่ารับประทานแบบนี้คร่าา




22.วิธีทำหมูหมูหมัก (ราดหน้า)




                                   วันนี้เรามีวิธีการทำหมูหมักไว้สำหรับทำราดหน้ามาฝากเพื่อนๆชาว Blog นะคร่าา ซึ่งขอบอกว่าสูตรของเรานั้น หมูที่ได้มาจะนุ่มและมรสชาติที่ดีมาก


ส่วนผสม
1.หมูหั่นเป็นชิ้นๆ พอดีคำ 300 กรัม

2.น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
3.แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
4.พริกไทย 2 ช้อนโต๊ะ
5.ผงฟู 1 ช้อนชา
6.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
7.ซอสหอย 3 ช้อนโต๊ะ
8.ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ (ลืมรูป)

วิธีการทำ


1.นำส่วนผสมทั้งหมดมาใส่ลงในหมู แล้วคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน หมกทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ จึงจะสามารถนำไปใส่กับราดหน้าของเราได้ รับรองรสชาติดีเว้อร์จร้าาา อิอิ



วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

21.วิธีหุงข้าวกล้อง (ข้าวซ้อมมือ)

                              

                          สวัสดีนะคร่าาาา หลังจากที่หายไปนานก็เพราะว่าช่วงนี้เรียนอยู่เลยไม่ค่อยได้มีเวลาทำอาหารใหม่ๆมาลง blog เลย วันนีเราก็เลยมีเคร็ดลับในการหุงข้าวกล้อง (ข้าวซ้อมมือ) ให้นุ่มหอมอร่อยไม่เละน่ารับประทาน มาฝากกันนะคร่าาา



ส่วนผสม
1.น้ำสะอาด          2.ข้าวกล้อง (ข้าวซ้อมมือ)

วิธีการทำ


1.อันดับแรกให้เรานำข้าวที่จะหุงมาซาวน้ำสะอาดเบาๆอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นก็เทน้ำทิ้งนะค่ะ (ในการที่เราทำเช่นนี้ก็เพราะว่าเราจะได้เอาฝุ่นหรือสิ่งสกปกในข้าวออก และในการทำอย่างรวดเร็วนั้นจะทำให้วิตามินและเเร่ธาติที่อยู่ในข้าวไม่หลุดออกไปกับน้ำนะค่ะ)

2.หลังจากนั้นนำข้าวมาใส่ลงในหม้อหุงข้าวเต็มน้ำในอัตราส่วนคือข้าว 1 ส่วน น้ำ 2 1/2 ส่วน หลังจากนั้นเราก็จะแช่ข้าวไป 30 นาที เพื่อที่ข้าวของเราจะได้นุ่มน่าทาน (อย่าเพิ่งเปิดไฟหุงข้าวนะค่ะ)

3.พอครบ 30 นาทีแล้ว ก็เริ่มเปิดไฟหุงข้าวได้เลย และรอจนกว่าข้าวจะสุก 


4. พอข้าวสึกแล้วเราก็จะได้ข้าวสวยน่าตาดีน่ารับประทาน นุ่มไม่เละติดกันเป็นก้อนเลยนะค่ะ




ประโยชน์ของข้าวกล้อง (ข้าวซ้อมมือ)

- มีวิตามินบีรวมซึ่งช่วยป้องกันอาหารอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ บำรุงสมองทำให้เจริญอาหาร 
- มีวิตามินบี 1 ซึ่งช่วยป้องกันโรคเหน็บชา
- มีวิตามินบี 2 ซึ่งช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก 
- มีฟอสฟอรัส ช่วยในการดูดซึมของกระดูกและฟัน 
- มีไขมันดี ช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย ไม่มีโคเรสเตอรอล 
- มีกากอาหารมาก ซึ่งจะทำให้ท้องไม่ผูก และช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้
- มีแคลเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรง 
- มีโปรตีน ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี
- มีทองแดง ช่วยสร้างเมล็ดเลือด และเฮโมโกลบิน 
- มีธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง 
วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ในข้าวกล้องนี้ยังจะช่วยทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ผู้ติดตาม